อาหารหวานแบบยุโรป
European
Desserts
ขนมหวานหรืออาหารหวาน
มีความหมายตรงกับคำว่า Dessert ในภาษาอังกฤษ
ซึ่งหมายถึงอาหารที่จัดเสิร์ฟเป็นคอร์สสุดท้ายหลังจากอาหารคาว โดยมากมีรสหวาน
แต่ในบางประเทศอาจรวมถึงอาหารที่มีกลิ่นแรงอย่างชีสชนิดต่างๆได้ คำว่าดีเสิร์ท (Dessert)
ใช้อย่างแพร่หลายใน สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และไอร์แลนด์
ในขณะที่ประเทศสหราชอาณาจักรและกลุ่มประเทศคอมมอนเวลท์ (commonwealth) เช่น อินเดีย นิยมใช้คำว่า Sweet, Pudding หรือ Afters เพื่อเรียกขนมหวาน
อาหารหวานแบบยุโรป
มีความหมายครอบคลุมถึงขนมหวานในกลุ่มของ
1. ทาร์ต พายและเพสทรี่
2. เค้ก และบิสกิต
3. คัสตาร์ด ครีม และพุดดิ้ง
4. ขนมหวานแช่แบบแช่แข็ง
5. อาหารหวานอื่นๆ
และรวมถึงส่วนประกอบที่ใช้ในการตกแต่ง
และซอสสำหรับขนมหวานชนิดต่างๆ เช่น ซอสชอคโกแลต สตรอเบอรี่ ท้อฟฟี่ เป็นต้น
การรับประทานขนมหวาน
หรือ อาหารหวานแบบยุโรปนั้นใช้ช้อนขนมหวาน(Dessert
Spoon) โดยเฉพาะ เป็นช้อนขนาดกลาง ใกล้เคียงกับช้อนซุปแต่เป็นทรงรี
ขนาดอยู่ระหว่างช้อนชากับช้อนโต๊ะ ส่วนจานที่ใช้ขนาดมาตรฐาน จะมีขนาดปานกลาง (27
ซม.) ไม่ใช้ขนาดเล็กสุดแบบของไทย
เนื่องจากในจานขนมหวานของยุโรปนั้นมักมีส่วนประกอบมากมายในจาน เช่น
องค์ประกอบหลักคือตัวขนมเอง ซอส และการ์นิช(garnish)
ซึ่งอาจหมายถึงส่วนประกอบที่ทานคู่กัน(functional garnish)
หรือเป็นส่วนประกอบที่ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว(non-functional
garnish)ก็ได้
ประกอบกับขนาดเสิร์ฟขนมหวานของยุโรปมีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนมหวานของไทย
จึงทำให้ต้องใช้จานและช้อนส้อมขนาดกลางในการจัดเสิร์ฟ
แทนที่จะเป็นขนาดเล็กเหมือนการเสิร์ฟขนมหวานของไทย การจัดวางช้อนส้อมหวาน
อาจจัดวางไว้เหนือจานและช้อนส้อมคาว เมื่อรับประทานอาหารคาวเสร็จแล้ว
บริกรจะเลื่อนช้อมส้อมสำหรับขนมหวานมาไว้ด้านข้าง
เพื่อไม่ให้ปะปนกับอุปกรณ์สำหรับอาหารคาว หรือในบางครั้งช้อนส้อมหวานจะจัดเสิร์ฟภายหลังพร้อมกับขนมหวานนั้นๆ
ขนมหวานหรืออาหารวานของยุโรปนั้น
หากแบ่งตามภูมิศาสตร์อาจแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ยุโรปตะวันออก และยุโรโครเอเชีย
และฮังการี ส่วนประเทศในแถบยุโรปตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ และเยอรมัน
เป็นต้น ซึ่งขนมหวานบางชนิดอาจพบได้ทั้งในยุโรปตะวันออก และยุโรปตะวันตก
มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อาจมีส่วนผสมหรือวิธีทำบางส่วนที่ต่างกัน
และมีชื่อเรียกที่ต่างกันได้
เพราะประเทศในทวีปเดียวกันมักจะได้รับอิทธิพลของอาหารจากประเทศใกล้เคียง
นำไปดัดแปลงจนกลายเป็นขนมประจำชาติ
หรือบางครั้งของขึ้นชื่อของประเทศนั้นๆทั้งๆที่ไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มหรือคิดค้นก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น